วันนี้จะพาไปแนะนำประเทศที่มีทิวทัศน์สวยเหมือนในเทพนิยายและเป็นประเทศที่จัดเป็นแหล่งมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก นั้นก็คือ ประเทศออสเตรีย เป็นประเทศเล็กๆที่รายล้อมไปด้วย สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมันนี้ ฮังการี่ และเช็ก แม้จะไม่มีทะเลให้เห็นแต่ก็ยังคงความงดงามของธรรมชาติจากต้นไม้ ป่า เขา และบรรยากาศที่ร่มรื่น ถือว่าเป็นประเทศที่มีบรรยากาศที่โรแมนติกมากๆ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติ บอกเลยว่าได้ความประทับใจและได้ภาพสวยๆของธรรมชาติของ ที่เที่ยวออสเตรีย กลับไปแน่นอน
Cr. Shutterstock.com
เวียนนา (Vienna)
เริ่ม ที่เที่ยวออสเตรีย ที่แรกด้วย เวียนนา (Vienna) เมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรีย มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์จักรวรรดิ สถาปัตยกรรมที่สวยงาม และวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา และยังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของออสเตรียอีกด้วย มีประชากรมากที่สุดของประเทศกว่า 1.9 ล้านคน ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ในปี 2561 และ 2562 จากการสำรวจโดยเว็บไซต์นิตยสารดิจิทัล และในเวียนนาเองก็มีที่เที่ยวเชิงประติมากรรมมากมาย รอให้ทุกคนไปเยือน ไม่ว่าจะเป็น พระราชวังฮอฟบวร์ก มหาวิหารเซนต์สตีเฟน พระราชวังเชินบรุนน์ และที่พลาดไม่ได้กับการมาเวียนนาก็จะต้องกินไส้กรอกเวียนนา เป็นไส้กรอกที่ทำจากเนื้อวัวและเนื้อหมู ห่อหุ้มด้วยไส้แกะ ร้านไส้กรอกที่นี่สามารถหาทานได้ง่ายมากๆเหมือนกับเป็นสตรีทฟู๊ดของที่นี่เลย ใครมาแล้วห้ามพลาด
Cr. Shutterstock.com
กราซ (Graz)
เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศออสเตรีย รองจากเมืองหลวงอย่างกรุงเวียนนา โดยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรีย ใกล้กับพรมแดนของประเทศสโลวีเนีย ถึงจะไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับต้นๆของ ที่เที่ยวออสเตรีย แต่เป็นเมืองการค้าและเป็นเมืองมหาวิทยาลัยของออสเตรีย เพราะมีมหาวิทยาลัยถึง 6 แห่ง และเนื่องจากกราซเป็นเมืองเก่าแก่ จึงยังมีสิ่งปลูกสร้างเก่าๆหลงเหลือให้ได้เห็นอยู่ และเป็นเมืองที่อนุรักษ์สิ่งก่อสร้างเก่าแก่นี้ไว้ได้ดีมาก แม้จะผ่านช่วงสงครามโลกสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ก็ยังดูสมบูรณ์แบบ ตัวเมืองเก่าของกราซได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก ในปี 1999 และได้รับการยกให้เป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมของยุโรป (Cultural Capital of Europe) ในปี 2003 แลที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสิ่งปลูกสร้างจากโครงการสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรมสมัยใหม่ อย่าง มูรินเซล (Murinsel) ที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำเมอร์เลย เป็นเกาะจำลองที่ลอยอยู่กลางน้ำ มีสะพานเชื่อมจากสองฝั่งของแม่น้ำ เป็นลานกิจกรรมเล็กๆ และมีร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม และสิ่งก่อสร้างอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่เรียกว่า Kunsthaus (Art Museum) ตัวอาคารเป็นรูปทรงโค้งพิสดาร สถาปนิกที่ออกแบบตึกนี้บอกว่ามันเป็น “เอเลี่ยน”
Cr. Shutterstock.com
ซาลซ์บูร์ก (Salzburg)
ซาลซ์บูร์ก (Salzburg) มีชื่อเสียงและโด่งดังในฐานะเป็นถิ่นกำเนิดของโมซาร์ท ชื่อเต็มก็คือ วูฟกังก์ อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) คีตกวีเอกชื่อดังแห่งประวัติศาสตร์โลก เมืองซาลซ์บูร์กนั้นตั้งอยู่บริเวณเขาทางทิศตะวันออกของเทือกเขาแอลป์ แถมยังเป็นเมืองที่องค์กรยูเนสโกยกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย ด้วยเสน่ห์ของสวนสาธารณะสไตล์บาโรกที่สวยที่สุดในเมืองอย่าง พระราชวังมิราเบล (Mirabell Palace) สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์ และแม่น้ำซาลส์ซักค์ และยังเป็นเมืองสำคัญที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ “มนต์รักเพลงสวรรค์” หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Sound of Music ภาพยนต์คลาสสิคที่ต้องมีไว้ติดบ้านใช้เพลงเพื่อสื่อสารและเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต วิวธรรมชาติที่เห็นในภาพยนต์ก็มาจากที่เมืองซาลซ์บูร์ก ทั้งหมด นักท่องเที่ยวนิยมมาตามรอยภาพยนตร์กันใน ที่เที่ยวออสเตรีย ทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงที่โด่งดังมากขึ้น
Cr. Shutterstock.com
ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt)
เมืองเล็กๆที่ติดทะเลสาปที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของ ที่เที่ยวออสเตรีย สวยงามติดอันดับของโลก ไม่ว่าจะไปเที่ยวเวลาไหนก็สวยทุกฤดู บรรยากาศโรแมนติก หมู่บ้านที่สวยทุกองค์ประกอบ บ้านเมืองสีสันสดใส ธรรมชาติที่งามตาราวกับหลุดไปในภาพวาด ด้วยโลเคชั่นที่มีเทือกเขาแอลป์โอบล้อม มีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายแม้จะเป็นเมืองเล็กๆ โดยไฮไลท์ของ ฮัลล์สตัทท์ นี้ก็คือวิวของโบสถ์ Evangelische Pfarrkirche Hallstatt จะเป็นมุมที่มักจะได้เห็นจากโปสการ์ดหรือภาพโฆษณาของประเทศออสเตรียในที่ต่างๆ จะเป็นมุมยอดฮิตที่ใครๆมาแล้วจะต้องมาถ่ายรูปในมุมนี้ ในเมืองนี้ยังมีหมู่บ้านเล็กๆให้เราเดินชมวิถีชีวิต และเข้าไปจิบกาแฟในคาเฟ่ที่มีหลากหลายร้านมากๆ เลือกนั่งกันได้ตามใจ
Cr. Shutterstock.com
อินส์บรูค (Innsbruck)
เป็นเมืองหลวงของรัฐทีโรล เมืองสีพาสเทลน่ารักสไตล์สถาปัตยกรรมแบบบาโรกใน ที่เที่ยวออสเตรีย ที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอินน์ อยู่ท่ากลางของเทือกเขาแอลป์ ถูกยกให้เป็น Capital of Alps เพราะที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นจุดพักระหว่างการเดินทางบนเทือกเขาแอลป์นั้นเอง เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่เก่าแก่ ศูนย์กลางของกีฬาฤดูหนาว และเคยเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกอยู่หลายครั้ง ในเมืองนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นปราสาทอัมบราส (Schloss Ambras) ศูนย์รวม ศูนย์รวมผลงานและผลิตภัณฑ์ Swarovski (Swarovski Crystal Worlds) และที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือแลนด์มาร์คที่บ้านเมืองเป็นสีพาสเทลเรียงรายเป็นแนวยาว ซึ่งเป็นมุมยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวเมื่อมาที่นี่แล้วจะต้องถ่ายรูปมุมนี้กลับไป
Cr. Shutterstock.com
วาเคา วัลเล่ย์ (Wachau Valley)
เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบ (Danube) มีภูมิประเทศที่สวยงามที่เกิดจากการไหลผ่านของแม่น้ำดานูบ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ ที่เที่ยวออสเตรีย ซึ่งห่างจากกรุงเวียนนาโดยการนั่งรถไฟแค่เพียง 1 ชั่วโมง หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลาง 4 หมู่บ้าน คือ Melk, Krems, Spitz และ Dürnstein มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ร่องรอบของโบราณคดีให้ได้เห็นกันมากมายไม่ว่าจะเป็น ปราสาท ซากปรักหักพัง อารามต่างๆซึ่งทำให้ที่นี่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี 2543 และเป็นสถานที่ปลูกองุ่นและที่ผลิตไวน์คุณภาพที่ดีเยี่ยม ซึ่งการเที่ยวที่วาเคา วัลเล่ย์ก็มีหลากหลายรูปแบบทั้งล่องเรือแม่น้ำดานูบ ปั่นจักรยาน ปีนเขา เก็บบรรยากาศธรรมชาติ ความสดชื่นจากสีเขียวของต้นไม้
Cr. Shutterstock.com
ถ้ำน้ำแข็ง (Eisriesenwelt Ice Cave)
ถ้ำน้ำแข็ง (Eisriesenwelt Ice Cave) ในส่วนของชื่อ Eisriesenwelt ในภาษาอังกฤษแปลว่า World of the Ice Giants ด้วยความยาว 42 กิโลเมตรจึงทำให้ที่นี่เป็นถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในภูเขา Hochkogel ในเมือง Wefen เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของ ที่เที่ยวออสเตรีย โดยทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมาชมความอลังการของถ้ำนี้ประมาน 2 แสนคนต่อปี ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้เป็นถ้ำน้ำแข็งหินปูนธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นโดยแม่น้ำSalzachไหลผ่านและกัดเซาะทางเดินเกือบ 100 ล้านปีก่อน เวลาผ่านไปรอยแตกและรอยแยกในหินปูนมีการพัฒนามากขึ้นเมื่อน้ำกัดเซาะหินออกไป พอเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวเมื่ออากาศภายในภูเขาอุ่นกว่าข้างนอก อากาศเย็นเลยไหลเข้าสู่ภูเขาและลดอุณภูมิของพื้นที่ด้านล่างให้ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และในฤดูใบไม้ผลิน้ำที่ละลายจากหิมะจะไหลทะลุผ่านรอยแตกและเมื่อถึงจุดต่ำสุดของถ้ำจะหยุดและเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง แม้ว่าถ้ำจะมีความยาวถึง 42 กิโลเมตร แต่แค่เพียงกิโลเมตรแรกเท่านั้นที่สามารถเข้าชมได้
Cr. Shutterstock.com
อุทยานแห่งชาติ (Hohe Tauern National Park)
อุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดไม่เฉพาะในออสเตรียเท่านั้น แต่ยังทั่วยุโรปกลาง มีพื้นที่มากกว่า 1800 ตารางกิโลเมตรและมีภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศออสเตรียประกอบอยู่ด้วยคือ Grossglockner ตลอดเส้นทางศึกษาธรรมชาติและการเดินป่า จะได้พบกับธรรมชาติอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็น น้ำตก Krimml Falls ธารน้ำแข็ง Pasterze และ ทะเลสาบ White Lake ซึ่งจะเป็นไฮไลท์เด่นๆของที่นี่ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า สัตว์ท้องถิ่นต่างๆของประเทศออสเตรีย เช่น เลียงผา และมาร์มอต ใครที่ชอบท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมาที่นี่ ที่เที่ยวออสเตรีย รับรองว่าอิ่มอกอิ่มใจแน่นอน
Cr. Shutterstock.com
Grossglockner High Alpine Road
ถนนสู่ยอดเขาแอลป์ที่สูงสุดและสวยที่สุดใน ที่เที่ยวออสเตรีย มีความสูง 3,798 เมตรจากระดับน้ำทะเลและมีความยาวเกือบ 50 กิโลเมตร ก่อนเข้าไปจะต้องผ่านด่านเข้าสู่อุทยาน Hohe Tauern National Park เพื่อชำระเงินค่าธรรมเนียมก่อน ซึ่งราคาจะไม่เท่ากันตามขนาดและประเภทของรถที่ขับเข้าไป จากนั้นขับยาวๆเพื่อดื่มด่ำและชมทัศนียภาพของธรรมชาติทั้งสองข้างทาง และจะไปสิ้นสุดที่เมือง Heiligenblut amGrossglockner เมืองชนบทเล็กๆ อยู่กับธรรมชาติชิลล์ๆท่ามกลางหุบเขาสูง ถนนแห่งนี้จะเปิดให้ใช้งานและขึ้นไปชมธรรมชาติด้านบนได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมหลังจากที่หิมะเริ่มละลาย และจะเปิดอีกอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ถ้าใครชอบแบบ Road Trip แนะนำที่นี่
Cr. Shutterstock.com
ลานน้ำพุมังกรลินท์วูร์ม (Lindworm Fountain)
เป็นน้ำพุที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองคลาเกนฟูร์ท (Klagenfurt) และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตั้งอยู่ที่ New Square ในใจกลางเมือง ประติมากรรมนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 และอ้างถึงตำนานของเมือง เป็นรูปปั้นสิ่งมีชีวิตในตำนานซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างมังกรและงู น้ำพุนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของเมืองเท่านั้นแต่ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงตำนานโบราณอีกด้วย ซึ่งคนท้องถิ่นกล่าวว่าตำนานนี้มี 2 เวอร์ชั่น คือ ตำนานแรกกล่าวว่ามังกรอาศัยอยู่ในทะเลสาปเวอร์เทอร์ซึ่งอยู่ใกล้เมืองได้โจมตีหมู่บ้าน ทุกคนในบริเวณนั้นกลัวมากไม่มีใครกล้าปราบเจ้ามังกรนี้ได้ และมีเพียงชายกล้าหาญผู้หนึ่งเท่านั้นที่ตัดสินใจไปฆ่ามังกรตัวนี้ ตำนานที่สองกล่าวว่าสถานที่แห่งนี้แต่ก่อนเป็นหนองน้ำที่มีมังกรอาศัยอยู่ มังกรได้คุกคามพื้นที่ของหมู่บ้าน จากนั้นชาวบ้านได้ร่วมมือกันฆ่ามังกรและสร้างเมืองบนพื้นที่ของหนองน้ำนี้ ประติมากรรมแห่งนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเมืองคลาเกนฟูร์ทเป็นอย่างมาก ต่างเข้ามาแวะเวียนเพื่อถ่ายรูปและชมความสวยงามของประติมากรรมแห่งนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ChecInChill.com
ทัวร์ต่างประเทศ ทัวร์ทั่วโลก ไปกับ VIN TEAM TRAVEL
สนใจบริการติดต่อ : บริษัท วี.ไอ.เอ็น.ทีม จำกัด / วิน ทีม ทราเวล
Mobile : 080-113-5495, 099-492-9053
ID Line : @vinteam
Email : vinteam.co.ltd@gmail.com